การส่งเสริมศักยภาพและความยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า
เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีและร่วมกันพัฒนาศักยภาพในการดำเนินงานบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน โดยการสื่อสารกับคู่ค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เกี่ยวกับการจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการ วางแผนพัฒนาศักยภาพ ส่งเสริมสนับสนุน และผลักดัน บริษัทคู่ค้าให้มีการจัดการที่ดีร่วมกัน โดยการยกระดับศักยภาพคู่ค้า ผ่านการประเมินทางความยั่งยืน ด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพสูงสุด
แผนงานที่จะพัฒนาและยกระดับศักยภาพคู่ค้า
- สำหรับคู่ค้ารายใหม่ ใช้เกณฑ์การประเมินที่ครอบคลุมประเมินตนเอง พร้อมทั้งเซ็นรับทราบจรรยาบรรณทางธุรกิจของคู่ค้า
- สำหรับคู่ค้ารายเดิม วางแผนดำเนินการให้คู่ค้าทำแบบประเมินตนเอง ประเด็นทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้แรงงาน ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมใหม่ทั้งหมด พร้อมทั้งเซ็นรับทราบจรรยาบรรณทางธุรกิจของคู่ค้า
บริษัทฯ คัดเลือกและสนับสนุนคู่ค้าที่คำนึงถึงด้านสังคม และที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ISO:14000, Green Procurement เป็นอันดับแรก
กรณีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทางคู่ค้าต้องวางแผนการปรับวิธีการดำเนินงาน มีระยะเวลาที่ชัดเจน และแจ้งผลสำเร็จให้บริษัทฯ ทราบ
ผลการดำเนินงาน
ดำเนินการติดตามผลและแสดงผลการดำเนินงานการส่งเสริมศักยภาพและความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้าอย่างสม่ำเสมอ ในการดำเนินการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน คำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม เช่นการใช้แรงงาน ความปลอดภัย ด้านสินค้า บริการ และด้านการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าได้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติสำหรับคู่ค้าธุรกิจ
เป้าหมายการติดตามผลและผลการดำเนินงานการส่งเสริมศักยภาพ
เป้าหมาย (ร้อยละ) | ผลการดำเนินงาน ปี 2566 | |
ด้านสิ่งแวดล้อม | 100 | 75 |
ด้านสังคม / การใช้แรงงาน ความปลอดภัย | 100 | 75 |
ด้านสินค้า และบริการ | 100 | 100 |
ด้านการดำเนินธุรกิจ | 100 | 100 |
ผลจากการตอบแบบประเมินตนเองปี 2566 ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม เช่นการใช้แรงงาน ความปลอดภัย ด้านสินค้า บริการ และด้านการดำเนินธุรกิจ (ESG) คู่ค้าที่ไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนด ได้มีการประชาสัมพันธ์วางโครงการแผนพัฒนาร่วมกันกับคู่ค้าให้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพ ทำการตรวจติดตามปีละ 1 ครั้ง
การคัดเลือกคู่ค้ารายใหม่
- การจัดซื้อทำการสรรหา และคัดเลือกคู่ค้ารายใหม่ โดยตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น และแนบเอกสารประกอบ ได้แก่ หนังสือรับรองบริษัท, ภพ.20, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, บัตรแสดงตัวตนหรืออื่นๆ (ถ้ามี) หากมีเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ต้องแนบหนังสือขอความยินยอมของคู่สัญญา
- การจัดซื้อลงแบบประเมินคู่ค้า สินค้าในการผลิตสินค้ารายใหม่สำหรับครั้งแรกที่ทำการซื้อ เพื่อทำการประเมินตนเองในเรื่องการปฏิบัติตามจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนคำนึงถึงประเด็น ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งยินดีให้บริษัทฯ เปิดเผย หากบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องแสดงความโปร่งใสในการดำเนินงาน
- การจัดซื้อทำการรวบรวมใบเสนอราคา จากคู่ค้าที่ผ่านการประเมินแล้ว ทำการเปรียบเทียบโดยใช้ รายละเอียดใบเสนอราคาจะต้องมีรายละเอียดสินค้า ผู้เสนอ ตราประทับของบริษัทคู่ค้า ราคาต่อหน่วย ชื่อสินค้า การยืนราคา เครดิตเทอม ระยะเวลาการจัดส่ง หรือรายละเอียดอื่นที่เกี่ยวกับเรื่องคุณภาพโดยบันทึกรายละเอียด ทำการเปรียบเทียบ เพื่อนำเสนอต่อผู้มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติจัดซื้อ
- กรณีคู่ค้ารายใหม่ ต้องตรวจคุณภาพก่อนจัดซื้อ โดยเฉพาะสารเคมี มีการส่งตัวอย่างทดสอบ ให้กับฝ่ายวิจัยและพัฒนา เพื่อทำการทดสอบคุณสมบัติว่าตรงตามที่ต้องการ หรือไม่ และทำการบันทึกผลการทดสอบว่าผ่าน / ไม่ผ่าน และแจ้งผู้ให้กับทางคู่ค้ารับทราบ
- กรณีคู่ค้ารายเดิม หากไม่ได้มีการซื้อขายกันเกิน 6 เดือน ต้องทำการส่งตัวอย่างทดสอบใหม่
- กรณีคู่ค้ารายเดิมที่มิใช่เป็นผู้ผลิต แต่ได้มีการเปลี่ยนแหล่งผลิต ต้องทำการส่งตัวอย่างทดสอบใหม่
นโยบายการปฏิบัติต่อเจ้าหนี้
บริษัทฯ พึงมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามสัญญา เงื่อนไข ข้อตกลง ภาระผูกพัน และหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น หรือหนี้สินที่เกิดขึ้นแล้วต่อเจ้าหนี้อย่างเคร่งครัด โดยยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีหลักการและยุติธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าหนี้ โดยเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสเพื่อไม่ทำให้เจ้าหนี้ได้รับความเสียหายแนวทางปฏิบัติและความรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้
1. บริษัทฯ พึงปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดกฎเกณฑ์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน และกรณีเมื่อไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ ต้องแจ้งให้เจ้าหนี้รับทราบและพิจารณาหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
2. บริษัทฯ หลีกเลี่ยงการรับหรือจ่ายผลประโยชน์ใดๆ ที่ไม่สุจริตในการดำเนินธุรกิจกับเจ้าหนี้ นอกจากผลประโยชน์ตามข้อตกลงการดำเนินธุรกิจทั้งสองฝ่าย
3. บริษัทฯ รายงานภาระหนี้ ข้อมูลทางการเงิน หรือข้อมูลอันเกี่ยวข้องที่เจ้าหนี้ควรรับรู้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และตรงเวลาให้แก่เจ้าหนี้เมื่อมีการร้องขอ
4. บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการเงินทุน บริหารกระแสเงินสด และการชำระหนี้ โดยให้มีโครงสร้างเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อรักษาความเชื่อมั่นต่อเจ้าหนี้
5. บริษัทฯ ปฏิบัติอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการได้รับผลตอบแทนที่เสมอภาคและเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
6. บริษัทฯ ไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของเจ้าหนี้อันขัดต่อผลประโยชน์ หรือ ทุจริต อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) คือ เครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและ คู้ค้าของบริษัทในการผลิต และส่งมอบสินค้า ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนของการได้มาซึ่งสินค้าตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าหรือบริการไปยังลูกค้า ห่วงโซ่อุปทานอยางยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) คือ การจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดทั้งวัฏจักรชีวิตของการผลิตและส่งมอบ สินค้าและบริการ
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้าของบริษัท ซึ่งวัตถุดิบเป็นป้จจัยการผลิตที่มีความสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญด้านคุณภาพที่ได้มาตรฐาน การได้มาซึ่งวัตถุดิบต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ข้อกำหนดด้านสิทธิมนุษยชน และโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่บริษัทฯ และคู่ค้าจะต้องดำเนินการร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ ทั้งในตลาดในประเทศและตลาดโลก ที่มีความต้องการสินค้าที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้น
ความมุ่งมั่นในการดำเนินกิจกรรมในห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าของบริษัทอย่างยั่งยืน นอกเหนือจากการ ซื้อขายวัตถุดิบที่สำคัญที่ใช้ในการผลิตสินค้าของบริษัทฯ แล้ว ยังต้องดำเนินการปฏิบัติตามมาตรฐานด้าน สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านชีวอนามัย และความปลอดภัย มีการปฏิบัติงานที่โปร่งใส ต่อต้านการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งการปฏิบัติตามมาตรฐาน และ/หรือข้อกำหนดดังกล่าว จะทำให้บริษัทฯ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ ทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก โดยมีความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่ยั่งยืน เป็นแรงผลักดันที่สำคัญ
ในการนี้ บริษัทฯ จึงได้ปรับเพิ่มข้อกำหนดในจรรยาบรรณทางธุรกิจของคู่ค้า และแบบประเมินตนเองของคู่ค้า เกี่ยวกับประเด็นด้านความยั่งยืนดังกล่าว อีกทั้งยังได้ปรับกระบวนการทำงาน ให้คำนึงถึงประเด็นสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการปฏิบัติจริง โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
แนวทางการดำเนินงาน
บริษัทมอบหมายให้ฝ่ายจัดซื้อ เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ โดยรายงานตรงต่อกรรมการผู้จัดการฝ่ายวางแผนและบริหารทรัพยากร และรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริหาร โดยฝ่ายจัดซื้อมีหน้าที่บริหารจัดการความเสี่ยงที่ที่เกิดจากคู่ค้า พัฒนาระเบียบการปฏิบัติงานจัดซื้อในครอบคลุมข้อปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จัดทำและเผยแพร่จรรยาบรรณทางธุรกิจสำหรับคู่ค้า และประกาศเจตนารมย์ของบริษัทฯ ในด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน โดยแนวทางการดำเนินงาน สรุปเป็นหัวข้อได้ดังนี้
1.การบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากคู่ค้า
1.1.เกณฑ์การระบุและคัดเลือกคู่ค้า – Critical Tier 1, Non Critical Tier 1 คู่ค้ารายใหม่
1.2.การบริหารจัดการความเสี่ยงกับคู่ค้า
2.การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
2.1.นโยบายหรือข้อปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง มีการกำหนดประเด็นทางด้านสังคม และ สิ่งแวดล้อมไว้ในระเบียบปฏิบัติ
2.2.จรรยาบรรณทางธุรกิจของคู่ค้า
2.3.การดำเนินการ On-site ESG Audit ตามหลักเกณฑ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
3.การมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนให้แก่คู่ค้า
3.1.การส่งเสริมศักยภาพและความยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า
3.2.กิจกรรมเพื่อพัฒนาการดำเนินงานธุรกิจอย่างยั่งยืนกับคู่ค้า
1. การบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากคู่ค้า
1.1 เกณฑ์การระบุและคัดเลือกคู่ค้าที่สำคัญ
-
บริษัทฯ ได้ระบุคู่ค้าที่สำคัญ คือ ผู้จัดจำหน่าย หรือ ผู้จัดหาวัตถุดิบ ที่เป็นหัวใจสำคัญที่ใช้ในการแปรรูปสินค้า จากน้ำยางสด เป็น น้ำยางข้น ยางสกิม และ ยางเครป มีความถี่ในการซื้อขายกันเป็นประจำ โดยมีเกณฑ์การแบ่งกลุ่มคู่ค้า เป็น 2 กลุ่ม คือ Critical Tier 1 และ Critical Non-Tier 1 สำหรับวัตถุดิบหลัก และ วัตถุดิบรอง ดังนี้
กลุ่มวัตถุดิบ |
คู่ค้ากลุ่ม
|
คู่ค้ากลุ่ม
|
กลุ่มวัตถุดิบหลัก
|
|
|
กลุ่มวัตถุดิบรอง
|
|
|
การคัดเลือกคู่ค้า บริษัทฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก ดังนี้
-
คุณภาพของสินค้า ต้องมีคุณสมบัติได้มาตรฐานตามที่บริษัทฯกำหนดส่งเสริมให้สินค้าของบริษัทฯ มีคุณภาพที่ดีมีมาตรฐาน เช่นเดียวกัน
-
ราคาของสินค้า เป็นตัวบ่งชี้หลักในการคัดเลือกคู่ค้า เนื่องจากราคาของสินค้าเป็นต้นทุนในการผลิตสินค้าของบริษัทฯ หากบริษัทฯ ได้ราคาที่เหมาะสมหรือต่ำกว่าผู้ขายรายอื่น จะทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาด
-
ระยะเวลาการสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้า ความรวดเร็วของการจัดส่ง และปริมาณที่จัดส่งที่แม่นยำ เป็นไปตามการสั่งซื้อ หากระยะเวลาการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้า ใช้เวลานานส่งผลให้บริษัทฯ มี ต้นทุนในการเก็บรักษาที่สูงขึ้น
-
การให้บริการ กรณีเป็นสินค้าที่ต้องการบริการหลังการขาย ทางผู้ขายมีศักยภาพให้การบริการ ได้รวดเร็วและตรงประเด็น ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินงานของบริษัทฯ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-
การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงผลกระทบด้านลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยผู้ขายยินดีที่ จะปฏิบัติตามจรรยาบรรณทางธุรกิจของบริษัทฯ และยินดีลงลายมือชื่อเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งยินดีให้บริษัทฯ เปิดเผยหากบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องแสดงความโปร่งใสในการดำเนินงานเช่นกัน
1.2 การบริหารจัดการความเสี่ยงกับคู่ค้า
1.2.1 การระบุประเด็นความเสี่ยงกับคู่ค้า บริษัทฯ ได้ระบุประเด็นความเสี่ยงที่อาจขึ้นจากการดำเนินงานของคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยสรุปได้ดังนี้
ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม |
ความเสี่ยงด้านสังคม |
ความเสี่ยงด้านธรรมภิบาลและเศรษฐกิจ |
|
|
|
1.2.2 การบริหารจัดการความเสี่ยงกับคู่ค้า ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
(ดูรายละเอียดในเอกสารแนบ 1 : การบริหารจัดการความเสี่ยงกับคู่ค้า)
ผลการดำเนินงานปี 2566
ในปี 2566 ผลการตอบแบบประเมินตนเองด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ เศรษฐกิจจากคู่ค้าและผลการตรวจประเมินความเสี่ยงด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมภิบาล ในพื้นที่ปฏิบัตการพบว่า ไม่มีประเด็นความเสี่ยง
2. การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
2.1 ระเบียบการปฏิบัติงานจัดซื้อ มีการกำหนดประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไว้ในเอกสาร และ มีแบบประเมินตนเองที่สอดคล้องกับหัวข้อดังกล่าว
2.2 จรรยาบรรณทางธุรกิจของคู่ค้า
-
การติดตามการปฏิบัติตามจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ มีการติดตามจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจของคู่ค้าที่สำคัญในประเด็นด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมเป็นประจำทุกปี โดยทั่วไปแล้วบริษัทฯ จะดำเนินการเข้าเยี่ยมคู่ค้าสำคัญของบริษัท โดยตรง (On-Site Visit) เพื่อตรวจสอบสถานะทางธุรกิจของคู่ค้าและประเมินการปฏิบัติตามจรรณยาบรรณไปพร้อมกัน อย่างไรก็ดี ในปี 2566 บริษัทฯได้ตรวจสอบคู่ค้าผ่านระบบการประชุมออนไลน์และการเข้าเยี่ยมคู่ค้าสำคัญของบริษัทโดยตรง ผ่านแบบประเมินตนเองของคู่ค้า
-
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้สื่อสารจรรยาบรรณทางธุรกิจของคู่ค้า และปรับปรุงแบบประเมินตนเองของคู่ค้าให้รัดกุมขึ้นในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
-
ผลการดำเนินงานปี 2566
ตัวชี้วัด |
เป้าหมาย |
ผลการดำเนินงานปี2566 |
คู่ค้ารับทราบจรรยาบรรณทางธุรกิจ |
100% |
100% |
คู่ค้าลงนามรับทราบการปฏิบัติตามจรรยาบรรณทางธุรกิจ |
100% |
98% |
คู่ค้าตอบแบบประเมินตนเอง |
100% |
100% |
2.3 การดำเนินการตรวจสอบ การดำเนินงานด้าน ESG ของคู่ค้า ตามแนวทางการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน มีหลักเกณฑ์ดังนี้
ตัวชี้วัด |
กลุ่ม Critical Tier 1 |
กลุ่ม Critical Non-Tier 1 |
บริษัทดำเนินการ Site Audit |
ทุก ๆ 2 ปี ต่อราย |
n/a |
คู่ค้าทำแบบประเมินตนเอง |
ทุกปี ต่อราย |
ทุกปี ต่อราย |
2.4 บริษัทฯ จะดำเนินการตรวจติดตามผลการปรับปรุงการดำเนินงานกับคู่ค้าเป็นประจำทุกปี
ผลการดำเนินงานในปี 2566
ผลการดำเนินการ Site Audit และ ผลตอบแบบประเมินตนเองด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาลจากคู่ค้า พบว่า ไม่มีประเด็นความเสี่ยงด้าน ESG 100% และอัตราการเปิดเผยการดำเนินงานด้าน ESG สามารถสรุปได้ดังนี้
ตัวชี้วัด |
เป้าหมาย |
คู่ค้ากลุ่ม
|
คู่ค้ากลุ่ม
|
ร้อยละของจำนวนบริษัทที่ได้รับ Site Audit จากเป้าหมาย |
100% |
75% |
n/a |
คู่ค้าทำแบบประเมินตนเอง |
100% |
100% |
100% |
3. การมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนให้แก่คู่ค้า
3.1 การส่งเสริมศักยภาพและความยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ปรับปรุงการสื่อสารด้านความยั่งยืนและการประเมินตนเองด้านความยั่งยืนกับคู่ค้า เพื่อสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูล และเริ่มทำกิจกรรมที่จะพัฒนาความยั่งยืนไปด้วยกัน โดยกิจกรรมที่ดำเนินการ
3.1.1 การสื่อสารกับคู่ค้าเกี่ยวกับความสำคัญของการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนแบบบูรณาการ วาง แผนพัฒนาศักยภาพส่งเสริมสนับสนุน และผลักดัน บริษัทคู่ค้าให้มีการจัดการที่ดีไปด้วยกัน
3.1.2 การประเมินศักยภาพจะทำผ่านแบบประเมินตนเอง และ Site Audit และวางแนวทางการพัฒนากับคู่ค้าร่วมกัน
3.1.3 การยกระดับศักยภาพด้านความยั่งยืนของคู่ค้า จะมีการวางแนวทางการพัฒนาร่วมกัน โดยนำผลประเมินในหัวข้อที่ยังต้องปรับปรุงมากำหนดการดำเนินงาน และตรวจติดตามผลตามระยะเวลาที่กำหนด รายงานผลและเปิดเผยในรายงานความยั่งยืนของบริษัทฯ และของคู่ค้า
ผลการดำเนินงานปี 2566
ผลการประเมินพบว่า 25% ของคู่ค้า ยังต้องปรับปรุงวิธีการบริหารงานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยบริษัทฯ ได้ สื่อสาร ให้คำแนะนำแนวทางในการดำเนินงาน และตรวจติดตามผลในปีถัดไป
ตัวชี้วัด |
เป้าหมาย |
ผลการดำเนินงาน ปี 2566 |
ด้านสิ่งแวดล้อม |
100% |
75% |
ด้านสังคม/การใช้แรงงาน/ความปลอดภัย |
100% |
75% |
ด้านธรรมาภิบาล / การดำเนินธุรกิจ |
100% |
100% |
ด้านสินค้า และ บริการ |
100% |
100% |
3.2 กิจกรรมเพื่อพัฒนาการดำเนินงานธุรกิจอย่างยั่งยืนกับคู่ค้า
-
จัดประชุมกับคู่ค้ารายไตรมาศ สื่อสารผลการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
-
วางแผนโครงการพัฒนาด้านความยั่งยืน และตั้งเป้าหมายร่วมกับคู่ค้า
-
ตรวจติดตามผลตามระยะเวลาของโครงการ
การรักษาความปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยทางไซเบอร์
วัตถุประสงค์และขอบเขต
บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กำหนดนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยกำหนดให้เป็นมาตรฐานแนวปฏิบัติขั้นตอนปฏิบัติให้ครอบคลุมด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
- การจัดทำนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและมีความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัททำให้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
- กำหนดขอบเขตของการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อ้างอิงตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001 และมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- นโยบายนี้จะต้องทำการเผยแพร่ให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับในบริษัทได้รับทราบ และเจ้าหน้าที่ทุกคน จะต้องถือปฏิบัติตามนโยบายนี้อย่างเคร่งครัด
- เพื่อกำหนดมาตรฐานแนวทางปฏิบัติและวิธีปฏิบัติให้ผู้บริหารเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบ และบุคคลภายนอกที่ปฏิบัติงานให้กับบริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ในการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของบริษัทในการดำเนินงานและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- ระบบและระเบียบปฏิบัติจะต้องตรวจสอบ ทบทวน และประเมินผลทุกปี
องค์ประกอบของนโยบาย
องค์ประกอบของนโยบายการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของบริษัทแต่ละส่วนที่กล่าวข้างต้น จะประกอบด้วยวัตถุประสงค์รายละเอียดของมาตรฐาน (Standard) แนวทางปฏิบัติ (Guideline) และขั้นตอนวิธีการปฏิบัติ (Procedure) ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท เพื่อที่จะทำให้บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ช่วยลดความเสียหายต่อการดำเนินงานทรัพย์สินบุคลากรของบริษัท ทำให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคงปลอดภัยนโยบายการเข้าใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของบริษัทนี้ จัดเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของบริษัท ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทและหน่วยงานภายนอกต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
กิจกรรม
- การรายงานภัยคุกคามใหม่ๆ ให้แก่คณะกรรมการบริหาร ประจำทุกเดือน
- จัดทำสื่อ และทำการประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่างๆ ความรู้เกี่ยวกับภัยทางไซเบอร์และมาตรการป้องกัน เพื่อเป็นการให้ความรู้ และพร้อมรับมือในแต่ละรูปแบบ
- จัดให้มีการจำลองสถานการณ์การโจมตีด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยและสร้างกระบวนการตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ ปีละ 1 ครั้ง
- จัดกิจกรรมสัมมนา และเกมส์ออนไลน์เพื่อให้พนักงาน หรือผู้สนใจทั่วไปได้ร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนามและได้ความรู้ไปพร้อมกัน มาร่วมแบ่งปันถึงภัยไซเบอร์
- จัดทำ Security Tips, Security Alert และข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับความปลอดภัยข้อมูลและไซเบอร์
- จัดทดสอบ Phishing Drill โดยส่งอีเมลปล่อมให้พนักงานของบริษัทฯ เพื่อทดสอบและสร้างความตระหนัก ตลอดจนเป็นการฝึกวิธีการรับมือเมื่อพนักงานได้รับอีเมลปลอมในสถานการณ์จริงอย่างสม่ำเสมอ โดยผลจากการทดสอบพบว่าพนักงานตระหนักและระมันระวังในการสังเกต Phishing Mail มากขึ้น
นโยบายภาษี
บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัท (“บริษัทฯ”) ดำเนินธุรกิจภายใต้ปณิธาณ อย่างแน่วแน่ในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อผลิตสินค้าที่ดีเหนือกว่ามาตรฐานสากล รวมทั้งให้ความสำคัญกับ การดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรมและความโปร่งใสและการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และ ความรับผิดชอบในการเป็นผู้เสียภาษีที่ดีซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาประเทศและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้นเพื่อให้มีการบริหารจัดการด้านภาษี ที่รัดกุมโดยตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภาษีทั้งทางตรงและ ทางอ้อม และปฏิบัติตามประมวลกฎหมายประมวลรัษฎากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายการปฏิบัติด้านภาษี ดังนี้1. การวางแผนและแนวทางการปฏิบัติทางด้านภาษี
- ดำเนินการนำส่งภาษีหรือขอคืนภาษีอย่างถูกต้อง เหมาะสม และภายในระยะเวลาที่กฎหมายหรือ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด
- ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือมาตรการยกเว้นต่างๆเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัทฯภายใต้ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องรวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสต่อหน่วยงานราชการหรือองค์กรที่กี่ยวข้อง
- ไม่มีนโยบายการลงทุนหรือดำเนินธุรกิจในประเทศที่เป็นแหล่งปลอดภาษี (Tax Haven) เพื่อ หลีกเลี่ยงภาษี
- การกำหนดราคาโอนในธุรกรรมการซื้อขาย หรือบริการระหว่างกันเป็นไปตามราคาตลาดโดยปกติ ทั่วไปเพื่อให้เสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
2. การบริหารความเสี่ยงทางด้านภาษี
บริษัทฯ มีโครงสร้างการบริหารจัดการความเสี่ยง กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบไว้ โดยจะพิจารณา การปฏิบัติการต่างๆ รวมทั้งหารือเพิ่มเติมและรายงานต่อฝ่ายบริหาร ตามความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
3. การประสานงานด้านภาษี
- พิจารณาการมีที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญทางภาษีที่ให้ความรู้ คำแนะนำแก่บุคลากรภายในองค์กร เกี่ยวกับภาษีเพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายภาษีอากร
4. ความโปร่งใสด้านภาษี
การดำเนินการ การสื่อสารต่างๆ รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลอยู่บนพื้นฐานความโปร่งใส เป็นไปตามข้อกำหนดหลักการตามกฎหมายภาษีอากรและที่เกี่ยวข้อง
การพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจ
นิยาม
ปรัญชาในการดำเนินธุรกิจ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทจึงกำหนดเป้าหมาย และวิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จตามเป้าหมายดังที่ระบุอยู่ในวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม หลักการ นโยบาย รวมถึงจริยธรรม และจรรยาบรรณธุรกิจฉบับนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและถูกต้องแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของกลุ่มบริษัท ในอันที่จะ ได้รับทราบถึงมาตรฐานการปฏิบัติงานตามที่กลุ่มบริษัทคาดหวัง และยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน นับตั้งแต่การปฏิบัติงาน ผู้ถือหุ้น ลูกค้าคู่ค้า คู่แช่งทางการค้า ผู้มีส่วนได้เสีย และสังคมโดยรวม
- วิสัยทัศน์ (Vision) เราจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำยางข้นของโลก โดยสร้างสรรค์สินค้าคุณภาพที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อความยั่งยืนและมั่นคงของธุรกิจ
- พันธกิจ (Mission) เป็นผู้ผลิตน้ำยางข้นที่มุ่งเน้นในคุณภาพเหนือกว่ามาตรฐานสากล เพื่อสนองตอบความต้องการและความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
- ค่านิยม (Values)
“H” = คุณภาพดีเหนือกว่ามาตรฐาน คุณภาพดีเหนือกว่ามาตรฐาน (High Quality)
“A” = ความรับผิดชอบต่อหน้าที่และผลงาน ความรับผิดชอบต่อหน้าที่และผลงาน (Accountability)
“I” = ความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์ (Integrity)
“T” = ความโปร่งใส ความโปร่งใส (Transparency)
“E” = ความมีประสิทธิภาพ และรักษาสิ่งแวดล้อม ความมีประสิทธิภาพ และรักษาสิ่งแวดล้อม (Efficiency and Environment)
“X” = มุ่งสู่ความเป็นเลิศ มุ่งสู่ความเป็นเลิศ (Excellence)
1. จรรยาบรรณทางธุรกิจ (Business Ethics)
1.2 การประกอบธุรกิจด้วยความเป็นธรรม: คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นธรรม มีจรรยาบรรณ และตั้งมั่นที่จะแข่งขันทางการค้าตามหลักจริยธรรมในการประกอบการค้า กฎหมาย และหลักแข่งขันทางการค้าอย่างเสมอภาคกัน รวมถึงปฏิเสธพฤติกรรมใดๆ ก็ตามที่ขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
1.3 ความขัดแย้งทางผลประโยชน์: คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องไม่กระทำการใดๆ เพื่อแสวงหาผลประโยขน์ส่วนตน หรือ เอื้อประโยชน์แก่บุคคลใกล้ชิด จากตำแหน่งหน้าที่และโอกาสต่างๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือมีส่วนได้เสียระหว่างคู่ค้ากับบุคลากรของกลุ่มบริษัท
1.4 การรักษาข้อมูลอันเป็นความลับ: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทต้องไม่เผยแพร่ หรือไม่นำข้อมูลที่เป็นความลับ และ/หรือ ข้อมูลภายในของกลุ่มบริษัท ไปแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเอง หรือเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม และไม่นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม
1.5 การใช้ และการดูแลทรัพย์สินทางปัญญา: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทต้องให้ความเคารพ และไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น ซึ่งรวมถึง เครื่องหมายทางการค้าสิทธิบัตร และไม่ปลอมแปลงหรือใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
1.6 การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน: คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องไม่กระทำ หรือสนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบทั้งในทางตรงและทางอ้อม รวมถึงจัดให้มีนโยบายการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อป้องกันและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ตลอดจนควรเข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์และขอรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (CAC)
2. ด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงาน (Labor Practice and Human Right)
2.2 การไม่บังคับใช้แรงงาน: คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องไม่ใช้แรงงานบังคับ แรงงานที่มาจากการค้ามนุษย์ หรือแรงงานเด็กอันมิชอบด้วยกฎหมายรวมถึงการลงโทษที่เป็นการทารุณร่างกาย หรือจิตใจพนักงาน ไม่ว่าด้วยการขู่เข็ญ การกักขัง หน่วงเหนี่ยว การคุกคาม การข่มขู่ การล่วงละเมิด หรือการใช้ความรุนแรงไม่ว่าในรูปแบบใด
2.3 การคุ้มครองสิทธิแรงงาน: คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องไม่จ้างแรงงานที่ผิดกฎหมาย ในกรณีที่มีการแจ้งแรงงานเด็กที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 18 ปี ต้องจัดให้แรงงานได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด หากเป็นแรงงานต่างด้าว ต้องดำเนินการว่าจ้างให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างครบถ้วน
2.4 ค่าจ้าง สิทธิประโยชน์ และระยะเวลาการทำงาน: คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องจ่ายค่าตอบแทน ให้เหมาะสมตามความสามารถและศักยภาพของพนักงาน รวมถึงให้สิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้รับตามกฎหมาย ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานกำหนด และตรงตามกำหนดเวลา การทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุด ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของลูกจ้าง รวมทั้งจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุด วันลาไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด
2.5 การเลิกจ้าง: ในกรณีคู่ค้าของกลุ่มบริษัท มีการเลิกจ้างต้องมีกระบวนการเลิกจ้างตามกฎหมายแรงงาน
3. ด้านความปลอดภัย และอาชีวอนามัย (Safety and Occupational Health)
3.2 อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล: คู่คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายที่มีในสถานที่ทำงานแก่ผู้ปฏิบัติงานและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอ มีการประเมินความเสี่ยง พร้อมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ได้มาตรฐานและเหมาะสม
3.3 การเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน: คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องมีการกำหนดแผนเตรียมความพร้อมรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การติดตั้งระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย การรายงานเหตุฉุกเฉิน การฝึกอบรมและฝึกซ้อมให้กับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการสื่อสารให้พนักงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และทันท่วงทีเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
4. สิ่งแวดล้อม (Environment)
4.2 ใช้ทรพยากรอย่างคุ้มค่า และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน และใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและ มีประสิทธิภาพ เช่น การลดการใช้น้ำ ไฟฟ้า น้ำมัน เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริมการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำธุรกิจในระยะยาว
5. ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility)
คู่ค้าของกลุ่มบริษัท ต้องดำเนินธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และสังคม ยึดมั่นปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อคังคับที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน พร้อมทั้ง มุ่งมั่นที่จะดำเนินการยกระดับคุณภาพของชุมชนและสังคม รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังจิตสำนึกของพนักงานให้มีความรับผิดชอบสังคมอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป
6. ช่องทางการแจ้งเบาะแส และข้อร้องเรียน (Whistleblowing Channels)
กรณีที่คู่ค้าและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มมีข้อสงสัย หรือพบเห็นการกระทำที่สงสัยว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อบังคับ หรือจรรยาบรรณ ท่านสามารถแจ้งเบาะแส หรือข้อร้องเรียน พร้อมส่งรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ในช่องทางการติดต่อ ดังนี้
- จดหมายอิเล็กทรอนิกส์จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ได้ที่
- ไปรษณีย์ โดยระบุหน้าซองถึงหรือยื่นโดยตรงได้ที่
ที่อยู่ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 99/1-3 หมู่ที่ 13 ถนนบางนา-ตราด กม.7 ตำบบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
โดยบริษัทฯ จะรับฟังและดำเนินการกับทุกข้อร้องเรียนอย่างเสมอภาค โปร่งใสและเป็นธรรม โดยมีมาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียนที่เป็นระบบและยุติธรรม ข้อมูลของผู้ร้องเรียนจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นความลับของบริษัทฯ ตลอดจนมีแนวทาง เพื่อคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียน พยาน และบุคคลที่ให้ข้อมูลในการสืบสวนหาข้อเท็จจริง ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน อันตรายใดหรือความไม่ชอบธรรมอันเกิดมาจากการแจ้งเบาะแส ร้องเรียน การเป็นพยาน หรือการให้ข้อมูล